วิธีทำข้าวหมกไก่ เมนูข้าวหมกไก่ เป็นอาหารยอดนิยมไม่แพ้ ข้าวมันไก่ เพราะทานง่ายเด็กและผู้ใหญ่ก็ชอบ ข้าวหมกไก่เป็นหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของพี่น้องชาวมุสลิม แต่ชาวไทยก็ชอบไม่แพ้กัน เพราะข้าวหมกไก่ประกอบไปด้วยเครื่องเทศนานาชนิด กลิ่นหอมกรุ่น วันนี้เราจึงมี สูตรข้าวหมกไก่ แบบอิสลามแท้ๆ จากร้าน "จีระพันธ์" ร้านอาหารมุสลิมชื่อดังบนถนนพระราม 9
ข้าวหมกไก่ ร้านจีระพันธ์ ร้านนี้มีความใส่ใจและพิถีพิถันอย่างมาก ในการทำข้าวหมกไก่ ตั้งแต่การหมักไก่ การหุ้งข้าว รวมไปถึง สูตรน้ำจิ้มรสเด็ดที่ไม่เหมือนใคร และสามารถทำได้ด้วยตัวเอง มาดู วิธีทำข้าวหมกไก่ หากอ่านไม่เข้าใจ ทาง jeerapan.com ได้รวบรวมคลิปวิดีโอ ในการวิธีทำข้าวหมกไก่มาให้ดู รับรองว่าง่าย แถมอร่อยกลมกล่อม สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย
สูตรข้าวหมกไก่ ร้านจีระพันธ์
ส่วนผสมในการทำข้าวหมกไก่
เครื่องเทศข้าวหมกไก่
อบเชย 2 ชิ้น หรือใช้ อบเชยป่น ได้
กระวาน 6 ลูก
กานพลู 6 ดอก
พริกไทย 1 ช้อนชา
พริกชี้ฟ้าแดงเม็ดใหญ่ 2 เม็ด (เอาเมล็ดด้านในออกด้วยนะ)
เม็ดผักชีป่น 2 ช้อนชา
กระเทียมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
ขมิ้น 1 ช้อนชา
ยี่หร่าป่น 1 ช้อนชา
ผงกระหรี่ 2 ช้อนชา
พริกป่น 1/2 ช้อนชา
เกลือป่น 2 ช้อนชา
เครื่องปรุงสำหรับข้าวหมกไก่
ข้าวสารเก่า 3 ถ้วยตวง
สะโพกไก่ หรือน่องไก่ 1 กิโลกรัม (หรือประมาณ 8 ชิ้น)
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย (150 กรัม จะเลือกยี่ห้ออะไรก็ได้)
เนยจืด 60 กรัม
นมข้นจืด 4 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงเจียว (สำหรับโรยหน้า หรือจะไม่ได้ก็ได้)
ผักชีเด็ดใบ (สำหรับโรยหน้า)
เครื่องเคียง (แตงกวาหั่นแว่น ผักกาดหอม มะเขือเทศหั่นแว่น หรืออื่นๆตามใจชอบ)
เครื่องปรุงสำหรับน้ำจิ้มข้าวหมกไก่
ต้นหอม 8 ต้น
ผักชี 10-12 ต้น
ขิงแก่ 1 ถ้วย
พริกชี้ฟ้าเขียว 4 เม็ด
กระเทียมกลีบ 20 เม็ด
ใบสะระแหน่ 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 1/3 ถ้วย
เกลือป่น 4 ช้อนชา
น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย
น้ำเปล่า 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำข้าวหมกไก่
1. เริ่มด้วยการล้างไก่ให้สะอาด สับให้เป็นชิ้นใหญ่ แล้วนำส้อมมาจิ้มไก่ให้ทั่วชิ้น แล้วพักไว้
2. มาต่อด้วยการเตรียมเครื่องเทศผงให้พร้อม โดยการนำ อบเชย กานพลู กระวาน เม็ดผักชีป่น และพริกไทย ลงไปคั่วในกระทะให้ห๊อม…หอม จากนั้นนำไปโขลกจนละเอียด แล้วตักใส่ถ้วยพักไว้ จากนั้นนำพริกชีฟ้าแดง กระเทียมซอยมาโขลกรวมกันจนละเอียด แล้วเอาไปผสมกับเครื่องเทศที่โขลกไว้ก่อนหน้า จากนั้นใส่พริกป่น เกลือ ขมิ้น ผงกระหรี่ และยี่หร่า คนให้เข้ากัน
3. ผสมเครื่องปรุงหมักไก่ โดยการนำเครื่องเทศผงที่ผสมเสร็จแล้ว ตามด้วยโยเกิร์ต เนยจืด ผสมให้เข้ากันในชามผสม
4. นำสะโพกไก่ น่องไก่ที่เตรียมไว้ ไปหมักรวมกับเครื่องปรุงที่ผสมเสร็จแล้ว มาคลุกเคล้านวดขยำเบาๆ ให้เข้ากัน เพื่อให้เครื่องปรุงทั้งหมดซึมเข้าเนื้อไก่ จากนั้นหมักทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง (หรือใครอยากจะหมักแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ข้ามคืนก็ได้ จะยิ่งทำให้เนื้อไก่นุ่มและหอมม๊าก….มาก แต่เมื่อจะนำมาทำข้าวหมกไก่ พักให้หายเย็นก่อน)
5. เนื่องจากมีเวลาว่างจากการหมักไก่ เรามาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์กันเถอะ ด้วยการทำน้ำจิ้มข้าวหมกไก่เพื่อฆ่าเวลา เริ่มต้นด้วยการทำน้ำเชื่อมก่อน โดยนำน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่าเทใส่ลงไปในหม้อ นำไปตั้งไฟระดับปานกลาง คนเรื่อยๆ จนน้ำตาลละลาย ปิดเตา ยกลง พักไว้ก่อน
6. ตัดรากต้นหอม ผักชี ปอกเปลือกขิง และตัดขั้วพริกชี้ฟ้า ล้างน้ำใส้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วทุกอย่างนำมาซอยหยาบๆ จากนั้นนำเครื่องที่ซอบไว้ใส่ลงในเครื่องปั่น แล้วปั่นเครื่องทั้งหมดให้ละเอียด
7. จากนั้นให้ใส่น้ำส้มสายชูลงไปในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน ใส่ตามด้วยผักที่ปั่นเตรียมไว้ลงไป แล้วคนให้ทั้งหมดเข้ากัน จากนั้นตักใส่ถ้วยเล็กๆเพื่อเตรียมวางคู่กับข้าวหมกไก่ในจาน
8. เมื่อไก่หมักได้ที่แล้ว นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่เนยจืดลงไปเล็กน้อย รอจนเนยละลาย ทีนี้ก็ได้เวลาใส่สะโพกไก่ลงไปทอดให้หนังไก่เริ่มตึงๆและเหลือง จากนั้นพลิกอีกด้าน ทอดจนเหลืองเช่นกัน ตักขึ้นแล้วพักไว้ก่อน (ทอดไก่ให้เกือบสุกทั้งสองด้านเท่านั้นนะคะ เพราะเดี๋ยวจะต้องนำไก่ทอดนี้ไปหมดในหม้อหุงข้าวต่ออีก)
9. ให้นำข้าวสารไปซาวน้ำแล้วเทน้ำทิ้งให้หมด จากนั้นใส่ไก่ที่ทอดไว้แทรกระหว่างข้าว ใส่เครื่องหมักที่เหลือตามลงไป สุดท้ายใส่น้ำเปล่าลงไป กะให้พอดีกับข้าวที่หุงตามปกติด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า รอจนสุก แล้วปล่อยให้ข้าวระอุอีกประมาณ 10 นาที
10. ตักข้าวหมกไก่ใส่จาน โรยด้วหอมเจียว ใบผักชี (หรือใครไม่ชอบหอมเจียว/ผักชี ไม่ต้องโรยก็ได้) จากนั้นวางแตงกวา ต้นหอมไว้ข้างๆ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มข้าวหมกไก่ (เมนูนี้สำหรับรับประทานได้ 8 ที่)
แนะนำเพิ่มเติม
หากเลือกใช้ข้าวหอมมะลิเก่าจะให้ความหอมนุ่ม ทำให้น่าทานมากยิ่งขึ้น
สำหรับขมิ้น หากใช้เป็นขมิ้นแขกจะให้กลิ่นที่หอมและเนื้อข้าวหมกไก่จะมีสีเหลืองสวยกว่า ใช้ขมิ้นไทย แต่ถ้าใช้ขมิ้นไทยสีจะออกไปทางเหลืองคล้ำนิดหน่อย จึงอาจจะทำให้ดูน่ารับประทานน้อยกว่า
สำหรับทำข้าวหมกไก่ ควรเลือกเนื้อส่วนน่องและสะโพก เนื่องจากส่วนน่องและสะโพกจะมีส่วนของชั้นไขมันที่หนา จึงให้รสชาติที่อร่อยนุ่มนวล
Cr:http://www.sara-1000.com/2017/01/blog-post_19.html