"น้ำพริกปลาทู" อาหารยอดฮิตของทุกภาค ไม่ว่าจะทานเล่นหรือนำมาคลุกกับข้าวสวยร้อนๆ หรือทานกับปลาทูทอดตัวโตๆ หรือไข่ต้ม ไข่เจียว หรือผักสดผักลวก หรือกับอาหารอื่นๆ ก็เจริญอาหารและอร่อยแซ่บเวอร์ยิ่งนัก ทานเมื่อใดก็อร่อยติดอกติดใจกันทั้งบ้าน
วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีทำน้ำพริกปลาทู แบบง่ายๆ มาฝากกันค่ะ มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีส่วนผสมและขั้นตอนอะไรบ้าง
ส่วนผสมน้ำพริกปลาทู
- เนื้อปลาทูตัวเล็กย่างหรือทอด (แกะเอาเฉพาะเนื้อเท่านั้น) 1 ตัว
- พริกขี้หนู 10 เม็ด
- กระเทียมไทย (กลีบเล็กหรือกลีบใหญ่ได้ทั้งนั้น) ลอกเปลือก 10 กลีบ
- หอมหัวแดง ลอกเปลือก 5- 6 หัว
- น้ำปลา 1- 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้ามีน้ำปลาร้าด้วย ก็ให้ใส่น้ำปลาร้าข้น 2 ช้อนโต๊ะ + น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ)
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
- น้ำต้มสุก 2- 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำพริกปลาทู
1. นำปลาทูมาทอด (ใช้น้ำมันน้อยๆก็พอ) ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วแกะเอาเฉพาะส่วนเนื้อปลา
2. นำพริกขี้หนูไปล้างน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นหนาพอประมาณ (เม็ดนึงหั่นให้ได้สัก 2 ชิ้น)
3. นำกระเทียมมาตัดหัวท้าย แล้วลอกเปลือกแข็งทิ้งไป แล้วหั่นเป็นชิ้นหนานิดนึง (กลีบนึงหั่นให้ได้สัก 2 ชิ้น อย่าหั่นบางมาก เวลาเอาไปคั่วจะไหม้ง่าย)
4. หอมหัวแดง เลือกหัวที่ไม่เน่า ไม่ฝ่อ ไม่มีราขึ้น แล้วลอกเปลือก นำไปล้างน้ำสักครั้ง แล้วหั่นเป็นชิ้นหนานิดนึง
5. ถ้าใส่น้ำปลาร้าด้วย ก็ให้ตักเอาเฉพาะน้ำปลาร้าข้นประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมกับน้ำต้มสุกอีก 2 ช้อนโต๊ะ นำไปต้มให้เดือด แล้วยกลงพักไว้ให้เย็น
6. นำพริกขี้หนู กระเทียม และหอมหัวแดงที่เตรียมไว้ ลงไปคั่วในกระทะด้วยไฟอ่อนๆ จนสุกหอม
7. แล้วนำทั้งหมดไปเทใส่ครก (คือพริก กระเทียม หอม และตามด้วยเนื้อปลาทูที่เราแกะเอาไว้) โขลกให้เข้ากันให้แหลกละเอียดตามต้องการ (จะโขลกเอาหยาบๆหน่อยหรือแหลกละเอียด ก็ตามชอบเลยค่ะ)
8. ปรุงรสด้วยน้ำปลา (น้ำปลาร้าต้มสุก) น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย
9. แล้วปรับความข้นตามชอบด้วยน้ำต้มสุก แล้วคนให้เข้ากันดี…ชิมรส (ตามชอบ)
10. เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย กินกับผักต้ม และผักดิบได้
เครื่องเคียง:
ทานกับผักสด : ยอดมะกอก, มะเขือเปราะ, แตงกวา, ถั่วพูฟักอ่อน, แตงกวา, ถั่วฝักยาว, ผักชีล้อม, ขมิ้นขาว, ยอดแค, มะเขือพวง ฯลฯ (แต่ผักบางอย่างไม่ควรทานดิบ ๆ อาทิ กระหล่ำปลี ผักกาดขาว เราก็ต้องลวก นึ่ง หรือต้มให้สุกก่อนนะคะ)
ผักลวก : ข้าวโพดอ่อน, ยอดฝักแม้วลวก, มะเขืออ่อนลวก, ผักบุ้งลวก, ดอกแคลวก ฯลฯ
Cr:http://www.sara-1000.com/2016/12/blog-post_40.html